ข้อควรระวังในการใช้เครื่องทำความชื้น

1. ทำความสะอาดเป็นประจำ
ต้องทำความสะอาดแท้งค์น้ำของเครื่องเพิ่มความชื้นทุกๆ 3-5 วัน และเวลาที่นานที่สุดต้องไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ไม่เช่นนั้นแบคทีเรียจะถูกสร้างขึ้นในแท้งค์น้ำ และแบคทีเรียเหล่านี้จะลอยไปในอากาศพร้อมกับละอองน้ำและ คนสูดเข้าปอดทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ

2. สามารถเติมสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียลงในน้ำได้หรือไม่?
บางคนชอบเติมน้ำมะนาว สารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย น้ำมันหอมระเหย ฯลฯ ลงในน้ำเพื่อทำให้ละอองน้ำมีกลิ่นหอมมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะถูกสูดเข้าไปในปอดพร้อมกับละอองน้ำซึ่งส่งผลต่อสุขภาพปอด

3.ใช้น้ำประปาหรือน้ำบริสุทธิ์
บางคนอาจพบว่าหลังจากใช้เครื่องทำความชื้นแล้วจะมีผงสีขาวตกค้าง สาเหตุมาจากการใช้น้ำที่แตกต่างกัน หากเครื่องทำความชื้นเต็มไปด้วยน้ำประปา ละอองน้ำที่ฉีดพ่นจะมีอนุภาคแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งจะผลิตผงหลังจากการอบแห้ง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์

4. หลอดอัลตราไวโอเลตมีผลในการฆ่าเชื้อหรือไม่?
เครื่องทำความชื้นบางชนิดมีการทำงานของหลอดอัลตราไวโอเลตซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ แม้ว่าหลอดอัลตราไวโอเลตจะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ แต่หลอดอัลตราไวโอเลตจะต้องส่องสว่างในถังเก็บน้ำ เนื่องจากถังเก็บน้ำเป็นแหล่งของแบคทีเรีย หลอดอัลตราไวโอเลตไม่มีผลในการฆ่าเชื้อเมื่อส่องสว่างที่อื่น

5. ทำไมคุณถึงรู้สึกอับชื้นเมื่อใช้เครื่องทำความชื้น?
บางครั้งคุณอาจรู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่สะดวกหลังจากใช้เครื่องทำความชื้นมาเป็นเวลานาน เนื่องจากละอองน้ำที่พ่นด้วยเครื่องทำความชื้นทำให้ความชื้นภายในอาคารสูงเกินไป ส่งผลให้แน่นหน้าอกและหายใจลำบาก

6. ใครไม่เหมาะกับการใช้เครื่องทำความชื้น?
โรคข้ออักเสบ เบาหวาน และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ไม่เหมาะสำหรับการใช้เครื่องทำความชื้น

7. ความชื้นภายในอาคารเหมาะสมแค่ไหน?
ความชื้นในห้องที่เหมาะสมที่สุดคือประมาณ 40%-60% ความชื้นสูงหรือต่ำเกินไปอาจทำให้เกิดแบคทีเรียและทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจได้ง่าย หากความชื้นต่ำเกินไป อาจเกิดไฟฟ้าสถิตและอาการไม่สบายคอได้ง่าย ความชื้นที่มากเกินไปอาจทำให้แน่นหน้าอกและหายใจไม่สะดวก